ความ เร็ว ของ RAM คิด กัน อย่าง ไร
ตา ราง ค่า Access time บน Chip
| Access time(ns) | |
วิธี ที่ ใช้ ใน การ แก้ ไข WAIT STATE
1. เทคนิค INTERLEAVE
เทคนิค นี้ เป็น การ ลด ปัญหา เรื่อง Refresh time เพราะ ใน การ ทำ งาน ของ RAM จะ เห็น ว่า ใน การ ติด ต่อกับ Memory 1 address จะ ใช้ เวลา 1 cycle time ใน การ ที่ CPU ติด ต่อ กับ Memory ใน แต่ ละ ครั้ง จะ ติด ต่อ เป็น block คือ หลาย Address เรียง ต่อ กัน จาก ความ จริง ข้อ นี้ เทคนิค การ Interleave จึง เกิด ขึ้น โดย หลัก การ ที่ จะ ทำ ให้ Cycle time เหลื่อม กัน เกิด จน Cycle time ใหม่ ที่ แคบ ลง
การ สลับ Bank ของ Memory โดย Bank บล็อก หนึ่ง จะ มี Memory address เป็น เลข คี่ อีก Bank จะ เป็น เลข คู่ เวลา CPU ติด ต่อ สลับ ไป สลับ มา ใน 2 Bank เพราะ ฉะนั้น ต้อง ใส่ Memory ให้ เต็ม Bank เป็น จำนวน คู่ เช่น 2 Bank หรือ 4 Bank ถ้า Memory ขนาด เท่า กัน คน ที่ ใส่ Memory ทั้ง หมด ไว้ ใน Bank เดียว จะ ทำ งาน ได้ ช้า กว่า คน ที่ แบ่ง Memory ใส่ เป็น 2 Bank แต่ Bank ก็ จะ เหลือ น้อย ด้วย
1. เทคนิค INTERLEAVE
เทคนิค
การ
2. วิธี การ Page Mode
วิธี การ นี้ จะ ต้อง ใช้ RAM พิเศษ คือ Paged RAM โดย Memory จะ ถูก มอง ว่า แบ่ง เป็น กลุ่ม หรือ Page หลาย Page ใน การ ติด ต่อกับ Memory ที่ Address อยู่ ใน Page เดียว กัน ต่อๆ ไป โดย ไม่ ต้อง มี Wait State แต่ ถ้า มี การ ติด ต่อกับ Page อื่น จะ มี Wait State เหมือนเดิม
วิธี
3. Cache Memory Memory
ส่วน นี้ จะ ถูก รวมกับ CPU ซึ่ง ก็ คือ Internal Cache แต่ ถ้า เอา มา ติด บนเมน บอร์ ด จะ เรียก ว่า External Cache ก็ คือ RAM นั่น เอง แต่ ความ เร็ว จะ สูง มาก ทำ ให้ ไม่ มี ภาวะ Wait State วิธี การ ก็ คือ พยายาม ให้ CPU ติด ต่อกับ Cache ซึ่ง เป็น SRAM ความ เร็ว สูง ก่อน เพราะ ไม่ มี ภาวะ WaitState โดย จะ มี วง จร Cache controller ซึ่ง เป็น ตัว จัด การ Cache โดย มัน จะ ตัด บล็อก ข้อ มูล จาก main memory ประมาณ บล็อก ละ 2-4 KB มา ใส่ ไว้ ใน Cache พอ CPU ติด ต่อ Memory ก็ จะ มา ดู ใน Cache ก่อน ว่า มี ข้อ มูล ที่ ต้อง การ หรือ ไม่ ถ้า ไม่ มี ก็ จะ ไป เอา จาก Main memory ความ สำคัญ ของ Cache คือ การ ตัด บล็อก มา ให้ ถูก ตาม ความ ต้อง การ ของ CPU โดย Cache controller จะ ใช้ วิธี การ Random แต่ Random อย่าง มี หลัก การ คือ CPU มัก ต้อง การ ข้อ มูล ที่ ต่อ เนื่อง กัน เพราะ ฉะนั้น Cache จะ ตัด ข้อ มูล บล็อก ถัด ไป มา เก็บ ไว้ การ Random แบบ นี้ ให้ ความ แม่น ยำ ถึง 80% ที เดียว คือ ไม่ มี ภาวะ Wait State เป็น เวลา 80% ของ เวลา ที่ ใช้ ทำ งาน ทั้ง หมด
ส่วน
การ Check Parity
การ เช็ค Parity เป็น การ เพิ่ม บิตพิเศษ เข้า ไป อีก 1 บิต ให้กับทุกๆ 8 บิต ของ ข้อ มูล จน กลาย เป็น 9 บิต บิตที่ เพิ่ม ขึ้น ไม่ ใช่ ข้อ มูล แต่ ใส่ เพื่อ ตรวจ สอบ ว่า ข้อ มูล มี ความ ผิด พลาด หรือ ไม่ โดย ใช้ หลัก การ นับ ขำนวน บิตข้อ มูล ที่ มี ค่า เป็น 1 ใน ทุกๆ 8 บิต การเข็ค Parity นี้ แบ่ง ได้ 2 วิธี คือ Odd Parity (Parity คี่) และ Even Parity (Parityคู่)
สำหรับ วิธี Odd Parity จะ ทำ การ นับ จำนวน บิตที่ เป็น 1 ใน 8 บิตว่า มี จำนวน เป็น คู่ หรือ เป็น คี่ โดย มี IC 74LS280 ทำ หน้า ที่ เป็น ตัว สร้าง Parity และ เป็น ตัว ตรวจ สอบ ถ้า 74LS280 นับ จำนวน 1 ใน 8 บิตได้ เป็น จำนวน คู่ ที่ Parity bit จะ ถูกเซ็ตให้ เป็น 1 เพื่อ ให้ จำนวน ของ 1 ใน 9 บิต (รวม Parity bit ด้วย) เป็น จำนวน คี่ แต่ ถ้า นับ จำนวน ของ 1 ใน 8 บิต ได้ เป็น เลข คี่ Parity bit จะ ถูกเซ็ตให้ เป็น 0 เพื่อ ให้ จำนวน ของ 1ใน 9 บิต รวม เป็น เลข คี่ ถ้า วิธ ี Even Parity ก็ จะ ทำ ใน ทา งก ลับ กัน คือ พยายามเซ็ ต Parity ให้ จำนวน ของ 1 ใน 9 บิตเป็น จำนวน คู่
Parity bit จะ ถูก สร้าง ตอน เขียน ข้อ มูล ลง ใน RAM และ จะ ถูก ตรวจ สอบ เมื่อ มี การ อ่าน ข้อ มูล จาก RAM เช่น ถ้า ข้อ มูล เป็น 11001010 ด้วย วิธี Odd Parity จะ เซ็ ต Parity bit เป็น 1 แต่ ถ้า ตอน อ่าน ข้อ มูล เกิด การ เปลี่ยน แปลง เป็น 10001010 โดย Odd Parity ยัง คง เป็น 1 ก็ จะ แสดง ว่า มี การ ผิด พลาด เกิด ขึ้น IC 74LS280 จะ ทำ การ สร้าง สัญญาณ ไป บอก ให้ CPU เกิด การ Halt และ แสดง ข้อ ความ ราย งาน ทางหน้า จอ ใน แบบ ต่างๆ เช่น PARITY ERROR SYSTEM HALT
ข้อ เสีย ของ การ ใช้ Parity bit คือ เสีย เวลา และ ไม่ ได้ ประ โยชน์ เท่า ไร นัก เพราะ ไม่ สามารถ บอก ได้ ว่า ผิด ที่ ตำแหน่ง ไหน และ แก้ ไข ข้อ ผิด พลาด ไม่ ได้ บอก ได้ แค่ ว่า มี ความ ผิด พลาด เกิด ขึ้น เท่า นั้น ยิ่ง กว่า นั้น ถ้า สมมติ ข้อ มูล เกิด ผิด พลาด ที เดียว 2 บิต เช่น 10001001 เปลี่ยน เป็น 10101011 เรา ก็ ไม่ สามารถ เช็ค ข้อ ผิด พลาด โดย ใช้ วิธี Parity ได้
เมื่อ รู้ การ ทำ งาน ของ RAM แล้ว เรา ก็ จะ มา ดู ประเภท ของ RAM ที่ มี ใช้ กัน อยู่
1. DIP (Dual In-line Package) เป็น แบบ พื้น ฐาน ที่ ใช้ กัน เพราะ DIP คือ RAM ที่ อยู่ ใน รูป แบบ ของ IC (Integrate Circuit ) หรือ Memory chip การ ใช้ งาน หรือ ติด ตั้ง RAM ชนิด นี้ ทำ ได้ โดย การ ติด ลง บน ซ็อคเก็ตของ DIP เท่า ที่เมน บอร์ดเตรียม ไว้ ให้ นั่น หมาย ความ ว่า ยิ่ง ความ ต้อง การ ติด DIP มากๆ เมน บอร์ดก็ ต้อง มีซ็อคเก็ตไว้ ให้ มาก ๆ ผล ก็ คือ ใช้ พื้น ที่ เปลือง และ ทำ ให้เมน บอร์ดใหญ่ มาก ใน การ ติด DIP ยัง ต้อง ระ มัด ระวัง ด้วย เพราะ Pin บอบ บาง งอ ง่าย หัก ง่าย ทั้ง ยัง เสีย เวลา ใน การ ติด
2. SIPP (Single In-line Pin Package) จะ ลด ความ ยุ่ง ยาก ของ การ ติด ตั้ง RAM แบบ DIP ลง โดย ติด ลง บน แผ่น PCB (Printed Circuit Board) ซะก่อน SIPP เป็น แผ่น PCB ที่ มี Pin ซึ่ง เหมือน ขา ของ IC แต่ Pin ของ SIPP จะ มี เพียง แถว เดียว เรียง ไป ตาม แนว ยาว ของ แผ่น PCB การ ติด ตั้ง SIPP ที่ มี ลักษณะ เป็น รู กลม เรียง หนึ่ง เป็น แถว ยาว มี จำนวน รู เท่ากั บ Pin ของ SIPP พอ ดี ประ หยัด เนื้อ ที่ บนเมน บอร์ด และ ติด ตั้ง ง่า ยก ว่า DIP มาก
3. SIMM (Single In-line Memory Module) รูป ร่าง หน้า ตา จะ คล้ายกับ SIPP แต่ ต่าง ส่วน ที่ จะ ต่อกับ ซ็อคเก็ ตบนเมน บอร์ด จาก Pin เป็น แบบ Edge Connector คือ เป็น ลาย วง จร เรียง กัน เป็น ซี่ ตาม ขอบ ของ PCB ใน แนว ยาว ลักษณะ เหมือนกับ ที่ เห็น ตาม การ์ด ต่าง ๆ แต่ ใน การ ติด ตั้ง SIMM จะ ไม่ ใช้ การ เสียบ ลง ไป ตรงๆ เหมือน การ์ด ทั่ว ไป แต่ จะ เสียบ ลง แบบ เอียงๆแล้ว ดัน SIMM ไป ด้าน ข้าง เพื่อ ให้ กล ไก บนซ็อคเก็ตทำ การล็อก SIMM เอา ไว้ การ ใช้ Edge connector ใน SIMM ก็ เพื่อ ตัด ปัญหา เรื่อง หน้า สัมผัส ของ Pin กับซ็อคเก็ต
SIMM ที่ ถูก ผลิต ออก มา จะ แบ่ง ได้ เป็น ชนิด ต่างๆ ตาม ความ กว้าง ของ ข้อ มูล ของ SIMM แต่ ละโมดูล คือ ชนิด 8 บิต , 16 บิต , 32 บิต การ จัด วาง ลำ ดับ ของ Edge connector จะ มี มาตร ฐาน กลาง ที่ ใช้ กัน อยู่
4. DIMM (Dual In-line Memory Module) เป็น RAM ชนิด ใหม่ และ ถูก กำหนด ให้ เป็น มาตร ฐาน กลาง โดย JEDEC (Joint Electron Device Engineering Council) ลักษณะ โดย ทั่ว ไป จะ คล้าย SIMM แต่ จะ มี 168 Pin (ข้าง ละ 84 pin )
การ
สำหรับ
Parity bit จะ
ข้อ
เมื่อ
1. DIP (Dual In-line Package) เป็น
2. SIPP (Single In-line Pin Package) จะ
3. SIMM (Single In-line Memory Module) รูป
SIMM ที่
4. DIMM (Dual In-line Memory Module) เป็น RAM ชนิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น